ขอน้อมกราบ สักการะบูชา "หลวงพ่อโอภาสี" เว็บไซต์มิใช่เว็บไซต์ของทางวัด จุดประสงศ์ในการจัดสร้าง เพื่อเป็นการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อ ด้วยจิตศรัทธาอย่างแท้จริงและไม่หวังผลประโยชน์ใดทั้งสิ้น ขอบารมีของหลวงพ่อคุ้มครองรักษาทุกท่านด้วยเทอญ

อิทธิปาฏิหาริย์องค์หลวงพ่อโอภาสี

683

น้ำท่วมกรุงเทพฯครั้งใหญ่ปีพุทธศักราช ๒๔๘๕

ก่อนน้ำท่วมเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๕ ไม่นานหลวงพ่อโอภาสี ท่านได้แสดงปริศนาเตือนชาวบ้านแถบสวนบางมด เช่นเอาสายสิญจ์มาผูกล้อมรอบต้นมะพร้าวใกล้ ๆ กับบริเวณที่ท่านพำนักอยู่ และบอกเป็นนัยๆว่า จระเข้จะขึ้นมากินเป็ด น้ำขึ้นปลาจะมากินมดน้ำลดมดจะมา กินปลา และถอนกลดไปจำพรรษาอยู่บนพระปรางค์ในวัดพิชัยญาติ ตลอดพรรษา จนกระทั่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อนกันถ้วนหน้าและต่างก็รู้ทันทีว่าหลวงพ่อมีญาณวิเศษรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้หลวงพ่อโอภาสีมีชื่อเสียงโด่งดังผู้คนศรัทธามาก ในสมัยนั้น

หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและวาระจิตคน

ท่านกล่าวว่า “อีกหน่อยแมลงปอจะบินมาไข่เต็มท้องฟ้า” ต่อมา เกิดสงครามขึ้นมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด “อีกหน่อยปลาจะมากินมดแล้ว มดจะกินปลา” ตามมาด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ “อีกหน่อยสะพานพุทธ จะแยกเป็น ๒ สะพาน” (ปัจจุบันคือสะพานพุทธฯ และสะพานพระปก เกล้าฯ) “อีกหน่อยพื้นดินจะเหมือนตีนกา ท้องฟ้าจะเหมือนใยแมงมุม (ปัจจุบันรอบอาศรมบางมดมีถนนตัดผ่านมากมาย บนอากาศเต็มไป ด้วยสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์) “อีกหน่อยมดจะมาวิ่งตามพื้นดินเต็มไปหมด ซึ่งคือรถวิ่งบนถนนจำนวนมาก และที่สำคัญคือ “อีกหน่อย บางมดจะเป็นบางหมด”

น้ำพระพุทธมนต์จากฟ้า

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อโอภาสีได้เดินทางมาเยี่ยมโยมมารดาของท่านที่ปากพนัง ระหว่างจะขึ้นเรือเดินทางกลับ มีผู้คนมารอขอของดีจากท่านเป็นจำนวนมากไม่ยอมกลับจนเรือไม่สามารถออกจากท่าได้ ในที่สุดหลวงพ่อประกาศรับปากจะแจกของให้กับทุกคน ให้รออยู่ที่ท่าเรือ พอเรือติดเครื่อง ท่านก็มายืนอยู่ที่หัวเรือท่องมนต์สักครู่ จากท้องฟ้าที่แจ่มใสพลันมืดครึ้มเกิดฝนตกพรำ ๆ ทุกคนต่างชื่นฉ่ำใจ และรู้ทันทีว่าสิ่งที่หลวงพ่อประทานให้คือน้ำมนต์จากฟากฟ้านั่นเอง

อานุภาพแห่งพญาครุฑ

องค์หลวงพ่อโอภาสีท่านมีความผูกพันกับพญาครุฑมาก ท่านให้เอาพญาครุฑไปติดไว้ที่อาศรมของท่านถึงสี่ทิศ มีเรื่องจริงที่เล่าตกทอดกันมา มีอยู่วันหนึ่ง มีอาแปะคนหนึ่งเข้ามากราบหลวงพ่อ เนื่องจากมาเป็นคนสุดท้าย จึงไม่ได้วัตถุมงคลของท่าน แต่ท่านก็เมตตาตามที่ต้องการ ให้แผ่นกังไสเป็นรูปครุฑไป แกก็หัวเสียมากว่า นี่ไม่ใช่พระตามที่ต้องการ เมื่อกลับมาถึงบ้าน บ้านแกเป็นบ้านยกสูงมีใต้ถุน แกก็โยนครุฑกังไสเข้าไปในใต้ถุน คืนนั้นขณะที่แกหลับอยู่ แกก็รู้สึกร้อนมาก จึงออกมาที่ระเบียงเพื่อตากลม ทันใดนั้น แกก็ได้ยินเสียงเหมือนนกตัวใหญ่กำลังกระพือปีกและบินออกมาจากใต้ถุน บินหายไปในอากาศ แกรู้ทันทีว่านั่นเป็นครุฑของท่าน เช้ามาแกก็เข้าค้นใต้ถุนของแกดู ปรากฏว่าไม่เจอครุฑกังไสนั่นอีกเลย ทำให้แกเกิดศรัทธาในองค์หลวงพ่อ เป็นอย่างมาก และเข้ามากราบขอโทษองค์ท่าน

อานุภาพแห่งพระคาถาอิติสุคะโต

มีอยู่วันหนึ่ง พระอาจาย์ปลัดซุนเซ็กได้เล่าว่า มียายกับหลาน คู่หนึ่งซึ่งหลานยังเล็กอยู่ อาศัยอยู่ในสวนบางมดใกล้กับชุมชนชาวอิสลาม ซึ่งมีหมอแขกเก่งทางคุณไสย ชอบลองวิชาปล่อยของลมเพลมพัดไปรบกวนผู้อื่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะบ้านของยายกับหลานคู่นี้เป็นหนึ่ง ในทางผ่านลองวิชานี้ คราวหนึ่งอยู่ ๆ มีตัวต่อ ๔-๕ ตัวบินไปมาใกล้ ๆ บ้าน เหมือนกับจะมาต่อยยายหลานคู่นี้ ทั้งกลางวันและกลางคืน ในตอนกลางคืนจะบินเข้าไปรบกวนภายในบ้าน ต้องรีบเข้ามุ้งนอนตั้งแต่เย็น ด้วยกลัวตัวต่อจะมาต่อยหลาน เวลาผ่านไปหลายวัน ยายรู้สึกทุกข์ร้อนใจไม่เป็นต้องทำอะไรคอยระวังอยู่ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งแกนึกขึ้นได้ว่าแกมีแผ่นกระดาษพระมนต์คาถาของหลวงพ่อโอภาสีที่ได้รับแจกมา จึงจุดธูปกลางแจ้งบอกกล่าวขอให้หลวงปู่ช่วย และเผากระดาษคาถาใส่ในแก้วน้ำทำน้ำมนต์ตามที่แกเคยเห็นเขาทำกันเพื่อดื่มรักษาโรค พอตกกลางคืน พวกตัวต่อบินเข้ามาในบ้าน ยายแกตัดสินใจสู้ปิดประตูหน้าต่าง แล้วเอาน้ำในแก้วพรมใส่พวกตัวต่อแล้วรีบเข้ามุ้งนอน พอตกเช้ายายแกตื่นขึ้นมาเห็นเป็นใบไม้ ๔-๕ ใบหล่นวางอยู่ตรงพื้นบ้านบริเวณที่แก พรมน้ำมนต์ในแก้วใส่ตัวต่อ นับแต่นั้นมาก็ไม่เห็นมีตัวต่อมาบินวนเวียนบ้านยายหลายคู่นี้อีกเลย

เสกนํ้าชากลายเป็นเหล้า

มีป้าคนหนึ่งที่ผู้เขียนเคารพคนหนึ่งเล่าว่า ในสมัยที่ท่านมีอายุ ราวๆ ๙ ขวบ เคยนั่งเรือพายไปกับพ่อตามคลองแถวอาศรมขององค์ท่าน พ่อของป้าเป็นผู้มีวิชาอาคมคนหนึ่ง เมื่อพ่อพายเรือผ่านอาศรม ก็แวะทักทายองค์หลวงพ่อ ทั้งคู่คุยสนุกถูกคอกันมาก และป้าคนที่เล่าก็เห็นหลวงพ่อท่านรินน้ำชาให้พ่อของตัวเองดื่ม ปรากฏว่าน้ำชากลายเป็นเหล้า ส่วนขององค์หลวงพ่อที่รินฉันเองกลับกลายเป็นน้ำชา ป้าแกเล่าด้วยความตื่นเต้น

เรียกวิญญาณกลับคืนร่าง

เรื่องราวของกระดิ่งเรียกวิญญาณ เป็นเรื่องที่มีหลักฐานนำมาเล่าสู่กันฟังถึงความเมตตาที่องค์หลวงพ่อมีต่อศิษย์ท่านมาก ท่านได้ให้กระดิ่งไว้กับศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านคนหนึ่ง โดยท่านมีคำสั่งไว้ว่า ถ้าเมื่อใด คนในบ้านเสียชีวิตกระทันหัน ให้กางมุ่งให้ร่างนั้นหนึ่งคืน สั่นกระดิ่ง แล้วจุดธูปกราบเรียนท่าน หากบุคคลยังไม่หมดอายุขัยจริง ท่านจะเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างให้ แต่จะทำได้เพียงครั้งเดียว ต่อมาศิษย์คนนั้นก็เสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจ และคนในบ้านก็ได้ใช้กระดิ่งนี้ เรียกวิญญาณกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และอยู่ได้ต่อมาอีกหลายปีถึง เสียชีวิตอีกครั้ง

หลวงพ่อโอภาสีแสดงปาฏิหาริย์ต่อหลวงพ่อฟักบนยอดเขาวงพระจันทร์

พระมงคลภาวนาวิกรม หรือ หลวงพ่อฟัก ภัททจารี พระผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตา อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ท่านได้ยึดแนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อโอภาสี ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ให้หลวงพ่อฟัก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติและการเจริญสติ หลวงพ่อฟักเล่าว่า องค์หลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาพำนักพักค้างบนยอดเขาวงพระจันทร์ถึงสองครั้ง ในแต่ละครั้งท่านจะเมตตาสอนวิชาและแสดงปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ให้หลวงพ่อฟักชม อาทิ ท่านเล่าเรื่องที่ท่านประทับใจความบางตอนว่า ท่าน (หลวงพ่อโอภาสี) แปลกประหลาดจริง ท่านปาฏิหาริย์ให้ดูนี่สารพัดที่จะให้ดูนะโยม ฉันเห็นกับตา และยิ่งตอนที่ท่านมาพักที่เขาวงพระจันทร์ ฉันอยู่กับท่านเฉพาะเลย ท่านจะแสดงสิ่งแปลก ๆ ให้ดู เช่น ท่านนั่งอยู่บอกว่า “ฟักกระจงมันเดินอยู่ในถ้ำนะ” โดยถ้ำที่ท่านกล่าว กับห้องที่ท่านนั่งนั้นอยู่คนละที่ ท่านเห็นได้อย่างไร ของที่ท่านคาดเอวสี่เส้น (รัดประคด) ท่านว่า “ฉันผูกมาโอภาสี ไม่ต้องแก้ คอยดูนะ” และเชือกก็คลายได้เองโดยไม่ต้องจับ (หลวงพ่อฟักลองทำตาม ยิ่งแก้ก็ยิ่งแน่น) ฉันนี่ได้เห็นปาฏิหาริย์มากที่สุดเลย ฉันอยู่กับท่านตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ ท่านแสดงให้ดูไม่ได้หยุดเลย นอกจากนี้ หลวงพ่อโอภาสีท่านได้ประทานสังฆาฏิ โดยเอามือล้วงไปด้านแผ่นหลัง หยิบเอาผ้าสังฆาฏิมาประทานให้หลวงพ่อฟัก และไม่ทราบว่าท่านไปเอามาจากที่ใด หลวงพ่อโอภาสีท่านบอกว่า ผ้าสังฆาฏิผืนนี้ เวลาอากาศหนาว ๆ ให้เอามาคลุมศีรษะไว้ จะทำให้ไม่หนาวได้ด้วยอานุภาพของผ้าผืนนี้ นอกจากนี้ หลวงพ่อโอภาสีท่านยังทำนายหลวงพ่อฟักไว้ประการหนึ่งว่า “ต่อไปฟักจะมีวัตถุมาก เรากลัวลูกศิษย์ (หลวงพ่อฟัก) จะติดวัตถุ ฟักระวังจะติดวัตถุ ฟักเอาอย่าง โอภาสี โอภาสีเอาไปทิ้งทะเลตั้งสามสําเรือ อย่าหลงมัน ฟักอย่าหลงมัน อย่าติดมัน” หลวงพ่อฟักท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อโอภาสีเป็นห่วงมากในเรื่องวัตถุ ซึ่งในปัจจุบันนี้ สิ่งที่หลวงพ่อโอภาสีเป็นห่วงเป็นจริงทุกประการ วัดเขาวงพระจันทร์ มีถาวรวัตถุเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาไว้มากมาย รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ พระเครื่องและพิพิธภัณฑ์พันล้าน โดยที่หลวงพ่อฟักมิได้สนใจยึดติดในวัตถุดังกล่าว ตามคำสอนของหลวงพ่อโอภาสี

ที่มา :เทปรายการเปิดบันทึกตำนาน ตอน หลวงพ่อฟัก วัดเขาวงพระจันทร์ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และหนังสือประวัติพระมงคลภาวนาวิกรม (ฟัก ภัททจารี)

ท่าน “เทียนภาสี” และเหล่าเซียน เหล่าเทพ

บารมีของหลวงพ่อโอภาสีที่แตกต่างจากพระสงฆ์ทั่วไปคือ ท่านมีบารมีเชื่อมถึงเหล่าเทพเซียนเบื้องบน ซึ่งต่างให้ความเคารพหลวงพ่ออย่างสูง โดยเรียกนามท่านว่า “ท่านเทียนภาษี” ซึ่งคำว่า “เทียน” แปลว่าฟ้า เปรียบเสมือนท่านเป็นพระผู้มีบารมีเหนือเหล่าเทพเซียน โดยในพิธีสรงน้ำหลวงพ่อโอภาสีสมัยก่อน จะมีเหล่าเทพเซียนประทับทรงเพื่อร่วมพิธีสรงน้ำและมีพิธีการลุยไฟ โดยเทพองค์สำคัญที่ประทับร่วมพิธีได้แก่ ตั๋วก๋ง ยี่ก๋ง ซาก๋ง เมื่อเสร็จพิธีสรงน้ำที่อาศรม บางมดแล้ว หลวงพ่อโอภาสีจะเดินนำขบวนสาธุชนไปประกอบพิธีต่อที่ศาลเจ้าหลวงพ่อโอภาสีซำเทียนไกล่ในภาคบ่าย และมีงิ้วสมโภชน์ที่ศาลเจ้า

สำหรับยี่ก๋ง เดิมเป็นเทพที่ประทับร่างด้วยอิทธิฤทธิ์มีความแรงมาก กระทั่งหลวงพ่อโอภาสีเห็นควรให้บวช มีตำนานเล่าว่า ในวันประกอบพิธีบวช หลวงพ่อได้ใช้กรรไกรตัดไปในอากาศ ก็ปรากฏเป็นปอยผมร่วงลงมาเป็นที่อัศจรรย์แก่ศิษย์ผู้ร่วมพิธี ยี่ก๋งจึงครองไตรจีวรแบบพระตราบถึงปัจจุบัน ซึ่งเหล่าเทพยังคงประทับทรงเพื่อร่วมพิธีแสดงมุทิตาถวายองค์ท่าน ในพิธีสรงน้ำ ณ วัดหลวงพ่อโอภาสี เป็นประจำทุกปี

ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

ก่อนหลวงพ่อโอภาสีละขันธ์ได้ไม่กี่วัน ทางพุทธสมาคมแห่งประเทศอินเดียได้ทำจดหมายนิมนต์หลวงพ่อโอภาสีไปนมัสการสังเวชนียสถาน และให้ญาติโยมได้นมัสการอย่างใกล้ชิด หลวงพ่อรับจดหมายมาอ่าน ในจดหมายแจ้งกำหนดการให้หลวงพ่อไปอินเดีย วันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๔ แต่แล้วหลวงพ่อให้ศิษย์ตอบจดหมายไปว่าขอเลื่อนไปวันที่ ๓๑ ตุลาคม จึงมีการเปลี่ยนหมายกำหนดการที่กำหนดไว้เดิมออกไป และให้ลูกศิษย์คือ คุณสนิท วชิรสาร และ มิสเตอร์ ยี.อี.เอิร์ด เดินทางล่วงหน้าไปอินเดียก่อน ตอนเช้าตรู่ของ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ที่บ้านพักในอินเดีย คนรับใช้ก็เข้ามาเรียน มิสเตอร์ ยี อี.เอิร์ด ว่า มีนักบวชในศาสนาพุทธมาคอยพบอยู่ที่ห้องรับแขก มิสเตอร์ เอิร์ด จึงรีบออกไปที่ห้องรับแขก และได้พบองค์หลวงพ่อโอภาสีนั่งคอยอยู่ มิสเตอร์ เอิร์ด เข้าไปกราบท่านด้วยความเคารพ ต้อนรับอยู่สักครู่ และขอตัวไปเตรียมตัวจะเอารถพาหลวงพ่อโอภาสีไปเที่ยวชมภายในเมือง เตรียมตัวเสร็จมาห้องรับแขกก็ไม่พบหลวงพ่อ สอบถามคนรับใช้ ก็บอกว่านั่งมองดูหน้าบ้านเป็นเวลานานแล้ว ไม่เห็นมีพระออกมาเลย และวันนั้นเองมีโทรเลขด่วนมาถึง มิสเตอร์ เอิร์ด และ คุณสนิท ข้อความในโทรเลขมีใจความว่า “หลวงพ่อโอภาสีมรณภาพแล้วเมื่อ ตอนเช้าตรู่ของวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘”

องค์หลวงพ่อโอภาสีท่านสามารถแสดงปาฏิหาริย์ใด ๆ ก็ได้ดั่งใจ ที่ท่านปรารถนา ไม่ว่าการรู้ใจคน การปรากฏกายพร้อมกันหลาย ๆ ที่ การเรียกของจากอากาศ การชุบชีวิตคนที่ยังไม่หมดวาระกรรม ฯลฯ แม้ในปัจจุบัน องค์ท่านก็ยังแสดงปาฏิหารย์อยู่เสมอ

ที่มา : หนังสือชวนภาษิต

Comments are closed.