เส้นทางโอภาสีสู่มรดกอมตะธรรม
หลวงพ่อโอภาสี กล่าวไว้ว่า “อาตมานามว่า โอภาสี โอภาสีแปลว่าความสว่างไสว”
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสว่า แสงสว่างใดใดในโลกจะเสมอเหมือนด้วยแสงสว่างแห่งปัญญาได้เลยนั้นไม่มี อาตมาชอบบูชาไฟถวายเป็นพุทธบูชา ความสว่างคือโอภาสี อาตมาคือ ผู้ชอบแสงสว่างนามว่าโอภาสี
มรดกอมตะธรรมอันยิ่งใหญ่ที่หลวงพ่อโอภาสีท่านประทานไว้ให้ภายใต้สิ่งก่อสร้างภายในวัดหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งองค์ท่านบัญชาสร้างนั้นแฝงปริศนาธรรมอันล้ำค่าไว้ที่สะพานทั้งสี่ และปราสาทจุฬามณีเป็นธรรมะที่สถิตไว้ที่วัดหลวงพ่อโอภาสี ตลอดกาลนาน รอผู้มีปัญญามาไขปริศนาธรรมอันแท้จริงและพระอาจารย์ปลัดซุนเต็กแห่งวัดโพธิ์ทองสามารถไขปริศนาธรรมนี้ได้ และถ่ายทอดมาให้ลูกศิษย์ คือผู้เขียน เพื่อถ่ายทอดความรู้ในธรรมให้แก่สาธุชนรุ่นหลังรักษาไว้เป็นมรดกธรรมแห่งองค์หลวงพ่อโอภาสี กุศลผลบุญใด ๆ ที่บังเกิดขึ้นในการถ่ายทอดธรรมะของหลวงพ่อโอภาสีนี้ ขอถวายแด่พระปลัดซุนเด็กอาจารย์ของข้าพเจ้า
ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๗ เริ่มปรับพื้นที่สร้างปราสาทจุฬามณี และสะพานทั้งสี่ ตามรับสั่งขององค์หลวงพ่อโอภาสี เมื่อสร้าง เสร็จลักษณะเป็นปราสาทจุฬามณีอยู่ตรงกลาง เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อของสะพานทั้งสี่ที่ล้อมรอบปราสาทจุฬามณี ต่อมาเป็นที่ประดิษฐานหีบบรรจุพระสรีระขององค์หลวงพ่อ เป็นที่สักการะของสาธุชนและทวยเทพเทวาทั้งหลาย หลวงพ่อท่านมีพระเมตตาสอนธรรมะด้วยพระสรีระของพระองค์ท่านเอง แม้องค์ท่านจะละขันธ์ไปแล้ว ดูเอาเองเถิด มีเกจิอาจารย์องค์ใดจะทำได้เหมือนองค์ท่าน ปราสาทจุฬามณีและสะพานทั้งสี่ สร้างคลุมเนื้อที่วัดทั้งหมดสุดเขตวัด (เนื้อที่เดิม) เสมือนฝากมรดกธรรมนี้ จะอยู่ตราบเท่าที่ปราสาทจุฬามณีและสะพานทั้งสี่ยังคงอยู่กับที่วัด

สะพานสาตรี ๑ สะพานช้าง ช้างนั้นมีพละกำลังมหาศาลแข็งแรงที่สุดในโลก หลวงพ่อบัญชาให้สร้างสะพานนี้สอนบุคคลที่อยากมีร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน และถ้าตัวเองได้เป็นถึงพญาช้างสารล่ะก็ให้เดินทางมาที่สะพานนี้จนสุดที่สะพานอันมีช้างคู่สถิตอยู่ ไปต่อไปไม่ได้แล้วก็หันหลังกลับมามองเห็นปราสาทจุฬามณี มีหีบบรรจุพระสรีระองค์หลวงพ่อโอภาสี รู้สำนึกเองภายในได้ว่า ขนาดพญาช้างสารที่ว่าแข็งแรงที่สุดในโลก ยังพ้นความตายไปไม่ได้
สะพานสาตรี ๒ สะพานมังกร พญามังกรผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในบาดาลและห้วงน้ำมหาสมุทรไม่มีใครยิ่งใหญ่เกิน หลวงพ่อบัญชาให้สร้างสะพานนี้สอนบุคคลที่อยากร่ำอยากรวยเป็นเจ้าสัวมหาเศรษฐี หรืออยากเป็นพระมหาจักรพรรดิ ดั่งกษัตริย์จีน และถ้าตัวเองได้เป็นถึงพญามังกรล่ะ ก็ให้เลือกเดินทางไปทางสะพานมังกรนี้ เมื่อไปจนสุดสะพานอันมีพญามังกรคู่สถิตอยู่เป็นหลักชัย ไปต่อมิได้แล้วก็หันหลังกลับมามองที่ปราสาทจุฬามณี เห็นหีบบรรจุสรีระหลวงพ่อโอภาสี ก็รู้สำนึกเองภายในได้ว่า ขนาดพญามังกรจ้าวสมุทรที่ว่าเป็นใหญ่ในพื้นน้ำ ยังพ้นความตายไปไม่ได้
สะพานสาตรี ๓ สะพานครุฑ พญาครุฑผู้ที่เป็นใหญ่สุดในท้องฟ้า นภาไม่มีใครยิ่งใหญ่เกิน หลวงพ่อบัญชาให้สร้างสะพานนี้สอนบุคคลที่อยากเป็นพระราชาหรือข้าราชการที่มีอำนาจยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ก็ให้เลือกไปทางสะพานครุฑนี้ เมื่อไปจนสุดสะพานตรงพญาครุฑคู่สถิตอยู่ ไปต่อมิได้แล้วก็จะหันหลังกลับมามองที่ปราสาทจุฬามณี เห็นหีบบรรจุสรีระหลวงพ่อโอภาสี ก็สำนึกขึ้นมาได้ว่า ขนาดพญาครุฑที่เป็นใหญ่บนท้องฟ้า ยังต้องตายเลย แล้วยศฐานบรรดาศักดิ์ เมื่อตายแล้วเอาไปได้ไหม แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวยังเอาไปด้วยไม่ได้

สะพานสาตรี ๔ สะพานราชสีห์ (ปัจจุบันคือสะพานเสือ) หลวงพ่อบัญชาให้สร้างสะพานนี้สอนบุคคลที่ปรารถนาอยากจะมีอำนาจ วาสนา มีอิทธิพลเหนือคนทั้งปวง เสมือนดั่งพญาราชสีห์จ้าวป่าใหญ่ เมื่อเดินไปจนสุดสะพานตรงพญาราชสีห์คู่สถิตอยู่ ไปต่อมิได้แล้วก็หันกลับมาเห็นปราสาทอันมีหีบบรรจุสรีระหลวงพ่อประดิษฐานอยู่ ก็สำนึกรู้ได้ทันทีว่า แม้แต่พญาราชสีห์ก็ยังหนีความตายไปไม่ได้ ที่สุดไม่มีใครเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ขนเส้นเดียวก็ยังเอาไปด้วยไม่ได้เมื่อตายไปแล้ว
ปุถุชนทั่วไปมีกิเลสหนาบ้างน้อยบ้าง ตามความอยากมีอยากเป็นอยากได้ไม่มีสิ้นสุดของแต่ละบุคคล อันประกอบด้วยความ โลภ โกรธ หลง องค์หลวงพ่อท่านจึงฝากมรดกธรรม คือ มรณานุสติ เพื่อสอนว่า เมื่อความตายมาจวนใกล้ถึงตัวเมื่อไหร่ ถึงจะมีสติรู้ตัวได้ถึงสิ่งชั่วดี และรู้ตัวว่าสิ่งที่อยากมีอยากได้อยากเป็น เมื่อได้สมปรารถนาแล้วเป็นยังไง เอาอะไรไปได้บ้างล่ะ ไม่ได้สักอย่าง เมื่อถึงเวลาจะตาย จะมีหรือจนมีความสำคัญอะไรเล่า ฟันในปากซี่เดียวยังเอาไปไม่ได้เลย แล้วพวกท่านจะมัวใฝ่คว้าหาอะไรอีก มีแต่กรรมดีกรรมชั่วที่จะติดตัวเราไปเท่านั้นเอง
หลวงพ่อโอภาสีจึงบัญชาให้สร้างสะพาน ทั้ง ๔ และ ปราสาทจุฬามณี แฝงปริศนาธรรมเป็นมรดกธรรมแก่สาธุชนทั้งหลาย ซึ่งถือเป็นธรรมะสุดยอดขององค์หลวงพ่อโอภาสี อันองค์ท่านทรงมีปัญญาล้ำเลิศ ทรงแฝงปริศนาธรรมในมหาปราสาท และสะพานทั้ง ๔ ซึ่งเป็นธรรมะอันล้ำค่าหาที่เปรียบมิได้อีกแล้ว และเท่าที่ผ่านมา ผู้เขียนไม่เคยพบพระภิกษุสงฆ์องค์ใดเลยจะยิ่งใหญ่เท่าท่าน ที่แม้ละสังขารไปแล้วกว่า ๖๐ ปี (๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๘) แต่ยังสอนธรรมะด้วยมหาปราสาทและสะพานทั้งสี่และขันธ์ขององค์ท่านเองเป็นผู้สอน ตราบจนทุกวันนี้ และเป็นอมตะธรรมตลอดนิรันกาล
(ยุคสมัยหลวงพ่อโอภาสี สะพานทั้ง ๔ เดิมเป็นสะพานไม้ ต่อมาบูรณะเป็นสะพานคอนกรีตในภายหลัง)

มรดกแห่งองค์หลวงพ่อโอภาสี ยังมีอีกหลายประการที่แฝงไว้ ด้วยปริศนาธรรม อาทิ เสาหลักโลก พระปางเปิดโลก รูปปั้นปริศนา ในบาตร รูปปั้นหลี่ทิก๊วย เซียนในร่างขอทานพิการ และบารมีธรรมที่ยังคงอยู่ อาทิ วิหารผาสุกที่สร้างในสมัยหลวงพ่อโอภาสี ทุกครั้งที่ผู้เขียนรู้สึกไม่สบายใจ หากได้ไปนั่งภายในวิหาร ทำใจให้สงบระลึกถึงหลวงพ่อโอภาสี จะรู้สึกคลายความไม่สบายใจลงได้อย่างแปลกประหลาด ประหนึ่งว่าองค์หลวงพ่อโอภาสีได้สถิตพลังศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ ที่แห่งนี้
ที่มา : หลังสือชวนภาษิต
Comments are closed.